น้ำเต้าหู้เข้มข้น


เมนูวันนี้เรามาดูเมนูเครื่องดื่มที่มีประโยชน์กันบ้างนั่นก็คือนำ้เต้าหู้ค่ะ ซึ่งเป็นหนึ่งเมนูที่ทานง่าย มีประโยชน์ ถูกใจใครหลายคน อย่างสามีผึ้งก็ชอบ พ่อก็ชอบทานเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเต้าหู้ตามร้านรถเข็น น้ำเต้าหู้กล่อง หรือนมถั่วเหลืองก็ตาม เลยมีความคิดว่าอยากลองทำเองให้คนที่บ้านทานบ้าง ขอบอกก่อนนะคะว่าเมนูนี้เพิ่งทำครั้งเเรกเลย เเต่มีความตั้งใจว่าต้องทำให้ได้ ดังนั้นผึ้งเลยหาข้อมูลในเน็ต อ่านมาอยู่หลายที่ทำให้รู้ว่าถ้าเราทำไม่ดีมันจะมีกลิ่นเหม็นเขียว ไม่หอมเลย อันนี้คือยากเลย เพราะฉะนั้นผึ้งต้องทำให้ไม่เหม็นเขียวให้ได้ พอเราอ่านข้อมูลได้พอประมาณก็เอามาประยุกต์จนได้เป็นในเเบบของผึ้งเอง มาเริ่มกันเลยค่ะ

ผึ้งใช้เมล็ดถั่วเหลืองกระเทาะเปลือกผ่าซีก ตราไร่ทิพย์ค่ะ

เราต้องนำถั่วเหลืองมาล้างน้ำก่อน ผึ้งล้างไปสัก 10 น้ำ เพราะกลัวว่าถั่วเหลืองจะมีกลิ่นเหม็นเขียว ใครอยากรู้ว่ากลิ่นเหม็นเขียวเป็นยังไง ก็ลองดมดูตอนที่ยังไม่ได้ล้างนะคะ มันจะเหม็นมาก พอล้างเสร็จ กลิ่นก็ยังไม่หายหมดเเต่ว่ามันจะเบาลงค่ะ ล้างน้ำเสร็จ เราก็เอาถั่วเหลืองไปเเช่น้ำ ตรงนี้ต้องใส่น้ำให้มากกว่าถั่วเหลืองนะคะ ใส่น้ำให้สูงจากถั่วเหลืองสัก 3 ข้อนิ้วก็ได้ เพราะต้องเผื่อว่าถั่วมันจะอืดขึ้นด้วยค่ะ  เเช่ประมาณ 8 ชั่วโมง  พอครบเวลาถั่วเหลืองของเราก็จะอืดพองตัวขึ้นมาเเล้ว เเล้วเราก็เอาถั่วเหลืองไปล้างอีกสัก 2-3 รอบค่ะ


พอล้างเสร็จ  ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการปั่นถั่ว  เราก็เตรียมเครื่องปั่น น้ำเปล่า 8 ลิตร  หม้อ กระชอน เเละผ้าขาวบาง  พออุปกรณ์ครบก็เริ่มโดยการนำถั่วเหลืองที่ได้จากการเเช่มาตักใส่เครื่องปั่นครั้งละสองทัพพี (อันนี้ต้องดูจากเครื่องปั่นนะคะ เครื่องปั่นใครใหญ่ใครเล็กก็ลดเพิ่มได้ ปั่นให้กำลังพอดี ไม่เต็มเครื่องปั่นมากเกินไป) เเละใส่น้ำเปล่าที่เราเตรียมไว้ให้เท่ากับถั่วเหลืองในเครื่องปั่น  เเละเราก็ปั่น พอปั่นละเอียด เราก็มากรองกาก กับน้ำ โดยเอากระชอนมาวางไว้บนหม้อ เเละเอาผ้าขาวบางวางทับบนกระชอน เเละเราก็เอาถั่วเหลืองที่ปั่นแล้วเทลงไปกรองที่ผ้าขาวบาง เเละน้ำก็จะลงสู่หม้อด้านล่าง เเล้วเราก็บีบถั่วเหลืองด้านบนที่ผ้าขาวบางให้น้ำออกให้หมด เเละเราก็เอากากทิ้ง จากนั้นเราก็ปั่นถั่วเหลืองใหม่ เเล้วก็กรองไปเรื่อยๆ จนกว่าถั่วเหลืองเเละน้ำจะหมดตามที่เราเตรียมไว้ พอเราทำหมด ก็จะได้น้ำถั่วเหลืองเข้มข้น ซึ่งยังไม่เสร็จนะคะ ตอนนี้ยังกินไม่ได้ เพราะยังมีกลิ่นเหม็นเขียวอยู่





ต่อไปเราก็เอาน้ำถั่วเหลืองมาตั้งไฟต้ม เคล็ดลับตรงนี้คือให้ใส่ใบเตยลงไปสัก 8-10 ใบ มัดให้เข้ากันแล้วใส่ลงไปในหม้อ เเละคนตลอดเวลา ไฟตอนเเรกที่ใช้คือ ไฟปานกลาง ต้มไปเรื่อยๆ จนเริ่มเดือดหน่อยๆ เเล้วเราก็เบาไฟให้เป็นไฟอ่อน ต้มไปประมาณสักชั่วโมงครึ่ง เเค่นี้ก็จะไม่เหม็นเขียวเเล้ว คือเราต้องใช้ไฟให้ถูกต้อง เเละใช้ระยะเวลาในการต้มหน่อยก็จะไม่เหม็นเขียวค่ะ


เเต่อีกประเด็นที่สำคัญที่ผึ้งเจอก็คือ การคนหม้อต้ม ผึ้งก็คนหม้ออยู่ตลอดเเต่พอผ่านไปสักเเป๊บก็เริ่มรู้สึกว่าเหมือนก้นหม้อจะไหม้ เลยยกหม้อลง เเล้วเปลี่ยนหม้อใหม่ เเล้วข้างล่างหม้อก็ไหม้หน่อยๆ อย่างที่คิดจริงๆ มันจะเป็นเหมือนคราบขาว เเละข้างล่างคราบขาวๆ ถ้าเราขูดเเรงๆ เราจะเห็นรอยไหม้ดำๆ เเละผึ้งก็ลองสังเกตว่าทำไมไหม้ เเละเเม่มาเห็นก็บอกว่าคนลอยหรือเปล่า ต้องคนให้ติดก้นหม้อ ให้ดังเเก๊กๆ เลยนะ เหมือนเเม่ทำขนมก็ต้องคนเเบบนั้น ผึ้งเลยคนตามที่เเม่บอก เเละมันก็ไม่ไหม้จริงๆ ด้วย เพราะฉะนั้นการคนสำคัญมาก ไม่งั้นจะไหม้ ถ้าเอาออกมาเปลี่ยนหม้อไม่ทัน น้ำเต้าหู้คงจะเหม็นไหม้เเน่ๆ เเต่อันนี้ยังหอมอยู่ค่ะ


พอเราต้มเสร็จแล้วก็มากรองด้วยผ้าขาวบางอีกทีนึงเพื่อไม่ให้มีเศษใบเตยปนลงไป เราก็จะได้น้ำเต้าหู้หอมๆ เเละผึ้งว่าเป็นน้ำเต้าหู้ที่เข้มข้นกว่าที่เคยซื้อทานที่ร้านทั่วไปมากๆ ถ้าใครกินจืดไม่ได้ก็ให้ใส่น้ำตาลเข้าไปในหม้อได้เลยนะคะ ค่อยๆ ใส่ ค่อยๆ ชิมไป  ถ้าใส่ทีเดียวมากแล้วเกิดหวานเกินไปเราจะเเก้ไม่ได้นะคะ เอาความหวานเท่าที่เราชอบกินเลยค่ะ หรือบางบ้านอาจชอบกินไม่เหมือนกันก็ยังไม่ต้องเติมน้ำตาล เรามาทำน้ำเชื่อมเเยกไว้ก็ได้ค่ะ ใครอยากกินหวานเท่าไรก็ค่อยตักน้ำเชื่อมใส่ในเเก้วของตัวเอง


ถึงเวลาที่ผึ้งต้องเอาไปให้คนในบ้านลองชิมกันเเล้ว พอทุกคนลองชิม สามีบอกชอบมากอร่อยเข้มข้นดี ส่วนพ่อบอกว่าเข้มข้นเกินไป พ่อชอบเเบบที่ขายตามร้านรถเข็นทั่วไปมากกว่า ที่ใส่น้ำเยอะ  เเต่ว่าสูตรนี้ก็กินได้หอมดี ถ้าใครชอบรสชาติแบบร้านรถเข็นก็เเค่เติมน้ำเปล่าเพิ่มเข้าไปอีก มันก็จะเจือจางลงเองค่ะ

น้ำเต้าหู้ที่เราทำเสร็จแล้วก็จะได้หลายขวดมาก กินวันเดียวไม่หมดเเน่นอน วิธีเก็บรักษาก็เเช่ตู้เย็นได้นะคะ ถ้าใครชอบกินเย็นก็กินได้เลย เเต่ถ้าชอบกินร้อนก็เอามาอุ่นกินได้ค่ะ ถ้าเราเก็บไว้ในตู้เย็นก็จะอยู่ได้นาน ของที่ผึ้งทำนี้อยู่ได้ประมาณ 5 วันค่ะ หวังว่าทุกคนจะลองทำทานกันนะคะ ผึ้งพยายามอธิบายให้ละเอียดสุดๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทำของทุกคนค่ะ การทำอะไรทานเองอาจจะใช้เวลานานเเละยากกว่าซื้อ เเต่เราจะสนุกเเละมีอะไรให้เรียนรู้มากมาย เเละจะมีความสุขขึ้นไปอีกเมื่ออาหารที่เราตั้งใจทำสุดฝีมือ มีคนชมว่าเก่งมากทำได้ไงเนี่ย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยำหน้าเขียง

หลนน้ำกะทิปูนาดอง

ตีนไก่ผัดพริกเเกง

เปียกข้าวโพด ยืดๆ

กล้วยเเขกทอด แป้งสำเร็จรูปตราเเม่ถวิล กร๊อบ กรอบ

ไก่ต้มโค๊ก

ไก่ย่าง

ปลาทับทิมราดพริก

เเกงส้มปลาช่อนผักกระเฉด